คณะแสดงศิลปะพื้นบ้านจิ่วเทียน(九天民俗技藝團) (ต่อไปนี้จะเรียกโดยย่อว่า “คณะจิ่วเทียน ”) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1995 โดยหัวหน้าคณะ สวี่ เจิ้นหรง(許振榮) แต่เดิมนั้นคณะเจิ้นโถว(陣頭團體) เป็นคณะการแสดงบวงสรวงเทพเจ้าที่เก่าแก่ซึ่งทำการแสดงในงานเทศกาลวัด เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทักษะการแสดงแบบฉบับเจิ้นโถว(陣頭)นั้น ค่อย ๆ ได้รับการพัฒนาฝีมือไปสู่ศิลปะการแสดงละครที่ทั้งวิจิตร ประณีตและสอดแทรกไปด้วยความหมายเชิงวัฒนธรรม จึงกลายเป็นคณะการแสดงที่เป็นตัวแทนหนึ่งในทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศไต้หวัน
เมื่อกาลเวลาผ่านไป เพื่อให้วัฒนธรรมพื้นบ้านดั้งเดิมนั้น ได้รับการเปลี่ยนแปลงและสามารถสืบทอดได้อย่างยั่งยืน คณะจิ่วเทียน จึงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนื้อหาการแสดงมีความหลากหลายมากขึ้น การยกระดับคุณภาพทางด้านศิลปะการแสดงของเจิ้นโถว(陣頭) ทำให้งานวัดท้องถิ่นแบบดั้งเดิมนั้น มีความเป็นมืออาชีพและมีความเป็นศิลปะมากยิ่งขึ้น
สวี่ เจิ้นหรง(許振榮)เล่าว่าในช่วงยุคแรก การแสดงของ "เจิ้นโถว" (陣頭)นั้นส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อความอยู่รอดของคณะ จึงไม่มีแบบแผนที่ชัดเจน ทั้งในแง่ของการจัดการผู้แสดง มาตรฐานการแสดง การทำการตลาด รวมไปถึงระบบการจัดการด้านการเงิน ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงสนับสนุนให้ สวี่ ฮว๋ายเหวิน(許懷文) ลูกชายของเขาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปะไทเป เพื่อเรียนรู้วิธีการจัดการศิลปะและองค์ความรู้อื่น ๆ เพื่อนำมาช่วยพัฒนาวัฒนธรรม "เจิ้นโถว" (陣頭)ให้ได้รับการปรับโฉมใหม่และสามารถสืบทอดได้อย่างยั่งยืน
สวี่ ฮว๋ายเหวิน(許懷文)ได้แบ่งปันว่าเคล็ดลับสำคัญสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงของ คณะจิ่วเทียนนั้นอยู่ที่ความเต็มใจที่จะยอมรับฟังคำแนะนำจาก ผู้เชี่ยวชาญและยินดีที่จะเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งใดก็ตามที่จะสามารถเนรมิตความเป็นไปได้ให้กับ การแสดงเจิ้นโถว (陣頭) ด้วยเหตุนี้ คณะจิ่วเทียนจึงได้จ้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในทักษะด้านต่างๆ อาทิ ทักษะด้านดนตรี การเต้นรำ การละคร ศิลปะการต่อสู้ ฯลฯ ซึ่งมีหัวหน้าคณะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านวัฒนธรรมพื้นบ้าน ให้กับครูด้วยตนเอง ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา ทำให้การฝึกอบรมและการแสดงมีประสิทธิภาพสูงสุด
การฝึกอบรมนี้มุ่งเน้นให้สมาชิกในคณะทุกคน กลายเป็นนักแสดงมืออาชีพ อีกทั้งเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ที่มีความสามารถในด้านการแสดงพื้นบ้านอีกทางหนึ่งด้วย สมาชิกของคณะผลักดันให้ศิลปะการแสดงเจิ้นโถวเกิดการพัฒนา ผ่านการบ่มเพาะและฝึกฝน ทุ่มเทความเยาว์วัยและพลังงานให้กับการแสดง อีกทั้งยังร่วมกันผลักดัน ส่งเสริมและพัฒนาศิลปะการแสดงเจิ้นโถว(陣頭)ของไต้หวัน ทำให้ "โรงละครในงานวัด" กลายเป็นแหล่งสุนทรียศาสตร์รูปแบบใหม่และคืนชีวิตใหม่ให้แ วัฒนธรรมงานวัดแบบดั้งเดิมของไต้หวัน
คณะจิ่วเทียน นอกจากจะยกระดับการแสดงเจิ้นโถว(陣頭) ผ่านการสื่อความหมายแฝงเชิงศิลปะอย่างต่อเนื่องแล้ว พวกเขายังมีจิตสาธารณะในการตอบแทนสังคมโดยการเป็น ที่ปรึกษาระดับมืออาชีพและครูผู้สอน โดยใช้เสน่ห์ของการแสดงเจิ้นโถว(陣頭) มาสร้างแรงบันดาลใจ โน้มน้าวจิตใจวัยรุ่นที่หยุดเรียนกลางคันให้พวกเขามีความสนใจในศิลปะการแสดงแล้วกลับไปสู่เส้น ทางชีวิตที่ถูกต้อง เสริมสร้างความมั่นใจแก่ตนเอง เพื่อบรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกันคือการเป็นนักแสดงระดับ มืออาชีพ
ในปี 2012 ภาพยนตร์เรื่อง "เจิ้นโถว" (陣頭)ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของคณะแสดงศิลปะพื้นบ้าน จิ่วเทียน ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขวัญกำลังใจและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมในไต้หวันเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ คณะจิ่วเทียนก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนและผู้นำด้านศิลปะท้องถิ่นของไต้หวันอย่าง รวดเร็ว
จากความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้ คณะจิ่วเทียน เริ่มได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และหน่วยงานด้านวัฒนธรรมต่างๆ และยังได้รับความสนใจจากเวทีระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะทั้ง สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือบรรดานิตยสาร ต่างก็รายงานเรื่องราวของ คณะจิ่วเทียนนอกจากนี้ก็ยังได้รับคำเชิญจากสถาบันทางด้านศิลปะแล วัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันครูผู้ฝึกสอนและนักแสดงในคณะยังได้ รับเชิญให้ทำหน้าที่เป็นวิทยากร ผู้ฝึกสอนในโรงเรียน ชุมชน และชมรมต่างๆ เพื่อเผยแพร่ทักษะการแสดงพื้นบ้านของชาวไต้หวันและเผยแพร่ วัฒนธรรมเจิ้นโถว(陣頭)ไปในวงกว้าง
ในปี 2012 คณะจิ่วเทียนได้ร่วมมือกับวงออร์เคสตราแห่งชาติไต้หวัน และพวกเขากลายเป็นคณะการแสดงกลุ่มแรกที่นำประเพณีและ ทักษะการแสดงพื้นบ้านเจิ้นโถว(陣頭)ขึ้นแสดงยังโรงละครแห่งชาติไต้หวันอีกด้วย ในปีเดียวกันนั้น พวกเขาได้รับเชิญให้ร่วมแสดงในงาน Golden Horse Awards ครั้งที่ 49 (งานประกาศรางวัลภาพยนตร์ของไต้หวัน)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคณะจิ่วเทียน ไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมในการแสดงในงานเฉลิมฉลองขนาดใหญ่ใน ประเทศหลายครั้ง และยังได้รับเชิญให้ไปเดินสายแสดงในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แอฟริกา จีน มาเลเซีย และภูมิภาคอื่นๆอีกด้วย ระหว่างที่คณะจิ่วเทียน ได้ไปทำการแสดงในต่างประเทศนั้นก็ได้นำหุ่นเทพนาจาสีสันแห่งตะวันออก ไปอวดโฉมแก่สายตาชาวโลกด้วย ผนวกกับเสียงฆ้องและเสียงกลองที่ดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า จึงทำให้การแสดงชุดนี้เป็นการแสดงทางวัฒนธรรมที่สดใหม่ สำหรับชาวต่างชาติ และในสายตาของชาวจีนโพ้นทะเล ได้ปลุกความทรงจำอันลึกซึ้งที่สุดที่พวกเขามีต่อไต้หวัน
คณะจิ่วเทียน กลายเป็นคณะการแสดงศิลปะที่ยิ่งใหญ่และเป็นมืออาชีพมากที่ สุดในประเทศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นคณะการแสดงที่โดดเด่นจากนครไถจงและ เป็นคณะการแสดงที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ยอดเยี่ยม (คณะการแสดงระดับชาติ) จากคณะกรรมการพัฒนาวัฒนธรรม (ปัจจุบันคือกระทรวงวัฒนธรรม) คณะจิ่วเทียน มุ่งมั่นที่จะสานต่อและสืบทอดวัฒนธรรมพื้นบ้านอันงดงาม ที่สุดของไต้หวันนี้ไว้ มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ของไต้หวัน และส่งเสริมไต้หวันให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย หน้าที่ของพวกเขาก็คือการทำให้ชาวโลกได้มองเห็นไต้หวันและมุ่งนำพาไต้หวันไปสู่เวทีระดับสากล